วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

ชีวิตและปรัชญา

      ความปราถนาหนึ่งที่นักปราชญ์ต้องการอบรมและปลูกฝังแก่ผู้คนทั้งหลาย
ก็คือการที่ชนทั้งหลายเป็นคนที่มีคุณธรรม
นักปราชญ์จึงมิได้ละทิ้งต่อเรื่องของการให้การศึกษา
ซึ่งดูคล้ายกับว่าเป็นหน้าที่ๆ หนึ่งที่พึงกระทำต่อสังคม
เนื่องจากมันเป็นทางให้สังคมได้รับความสงบสุขตลอดจนเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่ตัวผู้คนทุกคนเอง
อันบุคคลเมื่อได้รับการศึกษาแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติอันพึงประสงค์
นับเป็นบัณฑิตที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
พ้นจากการเป็นคนพาลสันดาลหยาบผู้ซึ่งมิเคยผ่านการฝึกอบรมใดๆเลย
เหล่านี้แลเป็นคุณประโยชน์ที่ผู้มีปัญญาดีไม่พึงประมาท
 
    การเข้าถึงปรัชญาได้นั้นย่อมมีหนทางอยู่และหนทางนั้นก็คือการพัฒนาจิตใจ
การพัฒนาจิตใจในที่นี้ย่อมหมายถึงการพัฒนาสติปัญญาของตนเองด้วย
ผู้รู้จักอบรมตนให้ตั้งมั่นในความชอบธรรมโดยหลีกเลียงจากการคบหากับคนพาล
ไม่กล่าวเท็จ เว้นจากการฆ่า และไม่สำส่อนทางเพศ เป็นต้น
จึงจะสามารถรักษาปรัชญาเอาไว้ได้
เหล่านี้เป็นถือตัวอย่างของการตั้งตนไว้โดยชอบธรรม
จากนั้นเขาก็จะต้องพิ่มพูนสติปัญญาของตนให้เพิ่นพูนขึ้นทุกขณะ
จนสามารถหลุดพ้นจากความหลงใหลมัวเมาในทุกๆสรรพสิ่งได้
ข้อนี้ย่อมแสดงออกถึงความเป็นบัญฑิตของนักปราชญ์ได้ดี
ว่าแท้จริงแล้วนักปราชญ์ย่อมสั่งสมแต่ความดีงามมิใช่อย่างอื่น
ดั่งคำของท่านเว่ยหลางที่ว่า
"การเข้าถึงปรัชญาคือการพัฒนาสติปัญญาให้พ้นจากความเหลวใหลและมืดบอด
เพราะการเข้าถึงปรัชญานั้นคือการเข้าใจในธรรมชาติของตน"
     ในการเรียนรู้มันย่อมมีความจำเป็นในขั้นต้นที่เราต้องทราบเสียก่อนว่านักปราชญ์นั้นเป็นคนเช่นไร
และปรัชญานั้นเป็นลักษณะของสติปัญญาแบบไหน
เพื่อการเตรียมความพร้อมในลักษณะที่ว่าให้เขาได้รู้จักมันคล่าวๆ
ว่ามันเป็นอย่างนี้ มีทางเดินไปอย่างนี้  เขามีความสนใจไหม
เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขากำลังสนใจและอยากจะเรียนรู้ให้ได้ก่อน
อย่างนี้ก็นับว่าเป็นความพรั่งพร้อมด้วยศรัทธาแล้ว
จากนั้นเราจึงให้เขาค่อยๆเปลี่ยนตัวเองไปตามความถูกต้องที่สติปัญญาของเขาชี้ชัดลงไปว่า
สิ่งนั้นมันมีธรรมชาติเป็นอย่างนี้และจะทำเช่นไรกับสิ่งนั้น
หลักปรัชญาจึงไม่มีหลักวิชาการและกฏระเบียบอะไรมากมายในการเรียนรู้
เพียงแต่ใช้การมองหาปรัชญาที่มีอยู่ในตนแล้ว จากนั้นเขาก็จะเริ่มปรับปรุงตัวเอง
มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เช่นนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น